Basic Airbrush EP.01
พื้นฐานแอร์บรัช ตอน "สี"
-----------------------------------------
หมายเหตุ !! : เนื้อหานี้นำเสนอเนื้อหาและสีประเภทต่างๆ(หรือสูตรต่างๆในท้องตลาด) สำหรับงานแอร์บรัช (พ่นสีโมเดล) เป็นหลัก ซึ่งหากเพื่อนๆมีคำถาม หรือข้อความใดตกหล่นไป หรือมีเนื้อหาที่ต้องการเสริมเพิ่มเติม สามารถคอมเม้นใต้โพสต์นี้ได้เลยนะครับ ทีมงานจะพิจารณาและแก้ไขโพสต์ให้เป็นปัจจุบัน และเพื่อให้ข้อมูลแน่นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ :)
หัวข้อนี้ จะพูดถึงหัวข้อของ "สีแต่ละสูตร" และ "ตัวทำละลาย" เป็นหลักนะครับ หากสงสัยอย่างไร พิมพ์สอบถามข้างไว้ได้เลย แอดมินจะเข้ามาตอบให้จ้า ^^
1. สูตรของสี : เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเรียนรู้ก่อนเลยครับ เพราะสูตรของสี จะบ่งบอกว่าเราจะต้องใช้ตัวทำละลายอะไร ... สีสูตรไหน ก็ต้องใช้ตัวทำละลายไหน ซึ่งจะต้องใช้งานที่สอดคล้องกันครับ
1.1 สีสูตรแลกเกอร์ (Lacquer Type)
เป็นสูตรสี ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ว่าได้ครับ มีชื่อเรียกกันเยอะ ไม่ว่าจะเป็น สีสูตรแลกเกอร์ สีสูตรทินเนอร์ สีอะคริลิคแลกเกอร์ สีอะคริลิคทินเนอร์ ต้องบอกว่า สีสูตรนี้ มีชื่อเรียกที่เยอะมากครับ แต่ชื่อทั้งหมดนี้ เป็นสีสูตรเดียวกันครับ ... ซึ่งยี่ห้อของสี มีจำหน่ายมากมายหลายยี่ห้อมากๆครับ แต่ละประเทศก็มียี่ห้อของตัวเอง ดังนั้นแอดมินจะขอยกตัวอย่างบางยี่ห้อเท่านั้นนะครับ .. ซึ่งสีสูตรนี้จะต้องใช้ "แลกเกอร์ทินเนอร์" เป็นตัวทำละลายครับ ... ความหมายสั้นๆก็คือ สีในขวดเหล่านี้ เป็นสีที่มาแบบเข้มข้น ซึ่งหากจะต้องใช้แอร์บรัชพ่นสี จะต้องผสมให้เหลว ซึ่งเราจะใช้แลกเกอร์ทินเนอร์ ผสมให้สีนี้เหลว เพื่อใส่แอร์บรัชพ่นได้นั่นเองครับ (อัตราส่วนในการผสม แอดมินจะทิ้งท้ายไว้ให้นะครับ)
ข้อดีของสีสูตรแลกเกอร์
- แห้งไว (เพราะใช้แลกเกอร์ทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย)
- หาซื้อง่าย (ณ ตอนนี้ทั้งสีเหล่านี้ และสีที่มีผู้ผลิตในประเทศไทย มีตัวแทนจำหน่ายที่ต้องบอกว่า เกือบจะทั่วประเทศแล้วครับ)
- มีสีให้เลือกเยอะ (ต้องบอกว่าเยอะมาก เยอะจนจำไม่ไหวเลยทีเดียวครับ หลากหลายสี หลากหลายประเภท หมายถึง สีเคลียร์ สีด้าน สีเงา สีมุก สีเมทัลลิค ซึ่งแอดมินจะอธิบายขยายความไว้ให้นะครับ)
ยี่ห้อสำหรับงานโมเดลโดยเฉพาะ สีที่คนทั่วโลกรู้จักและนิยมใช้กันมากที่สุดครับ
จากซ้ายไปขวา Mr.Hobby , Tamiya , Gaia // ในส่วนของ Tamiya หน้าตาอาจจะไม่คุ้นกันซักหน่อย ก็เพราะว่า Tamiya เพิ่งจะผลิตสีสูตรแลกเกอร์ออกมาครับ ใช้รหัสของสี ขึ้นต้นด้วย LP ส่วนชาร์จของสี จะทิ้งไว้ท้ายกระทู้นี้นะครับผม
ซึ่งตัวทำละลาย แต่ละยี่ห้อก็มีผลิตออกมาเหมือนกันครับ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่หลายๆคนเลือกใช้ยี่ห้อเดียวกัน เช่น ถ้าเราใช้สียี่ห้อ Mr.Hobby ก็จะเลือกแลกเกอร์ทินเนอร์ของยี่ห้อ Mr.Hobby เช่นกันครับ (สมัยก่อนจะเป็นแบบนี้ ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ใช้ร่วมกันได้หมด แต่สูตรของแลกเกอร์ทินเนอร์จะแตกต่างกันจากการผลิตของแต่ละยี่ห้อครับ)
จากซ้ายไปขวา แลกเกอร์ทินเนอร์ยี่ห้อ Mr.Hobby , Tamiya , Gaia ... ซึ่งตัวเลขที่อยู่บนขวด เป็นขนาดบรรจุครับ (ยกตัวอย่างในรูป คือแลกเกอร์ทินเนอร์บรรจุ 250 มิลลิลิตร) ซึ่งมีจำหน่ายหลายขนาดครับ และแลกเกอร์ทินเนอร์มีหลายแบบ ซึ่งตอนซื้อ สอบถามร้านให้แน่ใจ ว่าเป็นแลกเกอร์ทินเนอร์สำหรับผสมจริงๆนอกจากนี้ยังมีสี ยี่ห้อของไทย ซึ่งมีการผลิตในประเทศไทย ซึ่งสีที่ผลิตในไทยนั้น จะผสมเหลวมาแล้วนะครับ นั่นหมายถึง เปิดฝา แล้วก็เทใส่กรวยแอร์บรัชแล้วก็พ่นได้เลย (ซึ่งแอดมินจะแนะนำใช้แบบนี้ นอกจากถูกแล้วเพราะผลิตในประเทศเราเอง ก็ยังใช้งานง่ายอีกด้วยครับ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายยี่ห้อเลย)
จากซ้ายไปขวา สียี่ห้อ Skull Colour , Raditz Studio , Max Colour ทั้งสามสีนี้ เรียกได้ว่าเป็นสีอันดันต้นๆของไทย ที่มีการผลิตเฉดสีออกมาเยอะมาก และจุดเด่นสำคัญก็คือ เป็นสีที่ผสมในอัตราส่วนที่พร้อมจะพ่นกับแอร์บรัชได้ทันทีครับ (ซึ่งไม่เหมาะกับการเอามาทากับพู่กันนะครับ มันเหลวเกินไปครับ) .. ซึ่งสีแบบนี้ หากเราใช้ไม่หมดในครั้งแรกที่เปิดฝา ทิ้งไว้ซักระยะหนึ่ง ก็อาจจะมีแลกเกอร์ทินเนอร์ระเหยไปบ้าง เราอาจจะต้องผสมแลกเกอร์ทินเนอร์ลงไปเพิ่มครับ1.2 สีสูตรน้ำ (Water Based Type)สีสูตรน้ำ ถือว่าเป็นชื่อที่ชัดเจนที่สูตรครับ ตัวทำละลายที่ใช้ก็คือน้ำ หรือจะใช้แอลกอฮอล์ก็ได้ครับ สีสูตรนี้มีจุดเด่นที่สุดเลยก็คือ กลิ่นจะไม่ฉุน เมื่อแห้งแล้วจะทนทานต่อน้ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงคนที่ใช้งาน และคนรอบข้างด้วยครับ ... ปัจจุบันเริ่มนิยมใช้ในบ้านเรา และมียี่ห้อดังอย่างเช่น Vallejo ที่เจาะกลุ่มตลาดของสีน้ำโดยเฉพาะ (เบอร์สีนี่ ต้องบอกว่า มีเยอะมาก ไม่มีทางจำได้หมดแน่นอนครับ) ซึ่งสีสูตรน้ำนี้ ใช้งานได้ค่อนข้างที่จะง่าย ไม่ว่าจะใช้งานพู่กัน หรือผสมตัวทำละลายแล้วใส่แอร์บรัชพ่นก็ยังได้ครับ
ข้อดีของสีสูตรน้ำ- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และคนรอบข้าง- สีมีความยืดหยุ่น- ณ ปัจจุบันมีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก (ยี่ห้อ Vallejo)- สามารถใช้ทา และพ่นก็ได้ข้อเสีย (เล็กน้อย- สีจะมีความยึดเกาะที่น้อยกว่าสีของสูตรแลกเกอร์ ส่วนใหญ่คนจะใช้ในส่วนที่ไม่ต้องมีความเสียดสี
- ณ ปัจจุบันสีมีราคาสูง เมื่อเทียบกับสีสูตรอื่นๆ
ถ้าเป็นยี่ห้อของ Mr.Hobby ก็จะเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็น "Water Based" และหน้าตาของฉลาก ก็จะแตกต่างออกไปจากสูตรแลกเกอร์อย่างชัดเจน ส่วนสีของ Tamiya ที่เราเห็นในท้องตลาดหน้าตาแบบนี้ เป็นสูตรน้ำครับ ใช้งานร่วมกับตัวทำละลาย Tamiya X-20A ครับผม1.3 สีสูตรน้ำมัน (Enamel Based Type)สีสูตรน้ำมัน หรือที่เราเรียกติดปากว่า อีนาเมล (หากใครบอกเล่า หรือพูดคำนี้ แปลว่าเป็นสีสูตรน้ำมันครับ) ... สีสูตรนี้มีกลิ่นที่เฉพาะตัวมากๆ (บางคนว่ากลิ่นแรงกว่าแลกเกอร์ แต่ส่วนตัวแอดมินว่ามันไม่แรงมาก แต่ฉุนมากกว่าครับ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ) ... จุดเด่นของสียี่ห้อนี้ก็คือ สีจะมีสีสันที่สดสวยมากๆ และมีโมเลกุลที่ละเอียด ส่วนใหญ่แล้วสีตัวนี้จะไม่ค่อยนำมาเป็นเบส ในการพ่นชิ้นงาน ส่วนใหญ่จะเป็นการ วอช (หรือการตัดเส้น) ซะมากกว่า ... สิ่งที่สำคัญของสีสูตรนี้ก็คือ เมื่อได้สัมผัสกับพลาสติกโมเดลตรงๆ มันจะทำให้พลาสติกโมเดล เปราะและแตกหักได้ง่ายมากๆครับ (หรือที่เค้าเรียกว่า โมแตก นั่นเองครับ) ... นั่นคือสาเหตุ ที่ส่วนใหญ่แล้ว เค้าจะเอาไว้ตัดเส้น หรือทำรายละเอียดอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการทาหรือพ่นไปตรงๆครับ ... สีสูตรนี้ไม่ค่อยนิยมผสมใส่แอร์บรัชพ่นนะครับ สีสูตรนี้ส่วนใหญ่จะใช้งานกับพู่กันซะมากกว่าครับ
ข้อดีของสีสูตรน้ำมัน- เงางาม และให้สีสันที่สดกว่าสีสูตรอื่นๆ- สีมีความเงา และใหลซึมได้ดี เหมาะกับการตัดเส้น- ใช้งานกับพู่กันได้อย่างดี
- เหมาะกับการใช้งานวอช (ตัดเส้น) หรือเวธเทอลิ่ง (ทำร่องรอยต่างๆ)
ข้อเสียของสีสูตรน้ำมัน- ถ้าสัมผัสกับพลาสติกโมเดลโดยตรง จะทำให้โมเดลเปราะและแตกได้- ไม่นิยมใช้งานกับแอร์บรัช เพราะว่าล้างยากมากๆ กว่าจะสะอาด- แห้งช้ากว่าสีสูตรอื่นๆ

สีน้ำมันยี่ห้อ Tamiya มีจุดเด่นของสูตรน้ำมันเลย ก็คือลักษณะขวดจะเป็นทรงเหลี่ยมแบบในภาพ และมีขนาดเล็กกว่าสูตรแลกเกอร์ส่วนตัวทำละลาย ก็จะใช้ตัวทำละลายสูตรของ Enamel เองครับ และมีอีกตัวที่ใช้คือ "น้ำมันรอนสัน" หรือน้ำมันไฟแช็กนั่นเองครับ ซึ่งก็สามารถใช้ได้เหมือนกันครับ
จากรูปจะเป็นสีสูตรน้ำมัน (อีนาเมล) ที่เป็นขวดเหลี่ยมๆด้านล่าง ส่วนด้านบนจะเป็นน้ำมันไฟแช็ก ยี่ห้อ Zippo ... ส่วนบ้านเราก็ใช้น้ำมันรอนสันก็ได้ครับ มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลายของสีสูตรน้ำมันได้เหมือนกันครับบทสรุป สีแต่ละสูตร
- สีแต่ละสูตร จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องสูตรสี และการใช้งาน
- หากเพื่อนๆยังไม่ค่อยแม่นเรื่องสูตรของสี ว่าสีไหนสูตรไหน ให้เพื่อนๆสอบถามทางร้านที่เราจะซื้อได้เลยครับว่า "พี่ครับ สีนี้ สูตรอะไร แลกเกอร์ น้ำ หรือน้ำมัน" ไม่ต้องอ้ำอึ้งนะครับ เพื่อความชัวร์ครับ เราจะได้เลือกสีตามสูตรการใช้งานได้อย่างถูกต้อง
- สีสูตรแลกเกอร์ นิยมใช้มากที่สุดทั้งงานพู่กันและงานแอร์บรัช แห้งไว ยึดเกาะดี อีกทั้งยังหาซื้อง่าย และมีสีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ราคาไม่แพง // ใช้แลกเกอร์ทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย
- สีสูตรน้ำ กลิ่นไม่ฉุน ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้ทาด้วยพู่กันก็ได้ ใช้พ่นก็ได้ มีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก (ก ไก่ ล้านตัว) ราคาโดยรวมสูงกว่าสูตรอื่นๆ // ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย และบางยี่ห้อก็จะมีอะคริลิคทินเนอร์เฉพาะหรือแอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลาย(ไม่มีกลิ่นฉุน)
- สีสูตรน้ำมัน ตัวสีมีความสดมากกว่าสีสูตรอื่นๆ แห้งช้า ใหลลื่นดีเงางาม ส่วนใหญ่นำมาใช้ในการวอช (ตัดเส้น) หรือเวธเทอลิ่งเป็นหลัก (ไม่นิยมทาหรือพ่นลงไปตรงๆที่งานพลาสติกโมเดล เพราะจะทำให้ชิ้นงานแตกได้ง่าย) // ใช้อีนาเมลทินเนอร์ หรือน้ำมันรอนสัน (น้ำมันไฟแช็ก) เป็นตัวทำละลาย
หมายเหตุ : อย่างที่แอดมินแจ้งไว้ครับ หากศึกษาตรงนี้แล้ว เวลาจะไปเลือกซื้อ เราสอบถามทางร้านได้เลยครับ ว่าสีตัวนี้สูตรอะไร จะทำให้เราเลือกซื้อได้อย่างถูกต้องครับ รวมไปถึงการซื้อตัวทำละลายด้วยครับ ... เพราะหากเรายังไม่แม่น และเลือกซื้อมาผิด ก็อาจจะทำให้เราเสียเงินฟรีได้ครับ (สีจะมีอายุประมาณ 2 ปี และหลังจากระยะเวลานั้น การยึดเกาะ หรือคุณสมบัติของสีจะไม่เต็ม 100 เหมือนเดิมครับ)
----------------------------------
----------------------------------
----------------------------------
----------------------------------
2. สี : ทีนี้เราจะมาพูดถึงประเถทของสีกันครับ หมายถึงประเภทของเนื้อสีครับ ซึ่งมีอยู่หลากหลาย (ซึ่งแอดมินยังไม่รู้ว่าที่จะอธิบายต่อไปนี้ มันจะหมดรึเปล่า)2.1 สี Primary Based : หรือสีปกติที่เราพ่นทั่วไปนั่นแหละครับ ซื้อสีแดงมาพ่น เราก็ได้สีแดง ... เป็นสีเนื้อตันๆ มีคุณสมบัติทึบแสง คุณสมบัติความเงาของสี จะเป็นกึ่งเงากึ่งด้านครับ ไม่เงาเกินไป และไม่ด้านเกินไป จะอยู่กลางๆ
จากรูป ถ้าเราพ่นสีแบบ Primary Based ธรรม เราจะได้ผลลัพธ์ภาพกลางครับ ไม่เงาเกินไป และไม่ด้านจนเกินไปครับ
2.2 Clear Colour (สีเคลียร์) : บางคนก็เรียกว่าสีเคลียร์ บางคนก็เรียกว่าสีแคนดี้โทน (สีสเปรย์กระป๋อง ที่มีลักษณะสีเคลียร์ จะติดที่กระป๋องว่า Candy Tone เลยนำมาเรียกติดปากกับสีเคลียร์ขวดว่า แคนดี้โทนครับ) สีเคลียร์มีคุณสมบัติเด่นคือ เนื้อสีจะใส มีคุณสมบัติโปร่งแสง // สมมุติว่าเราได้ชิ้นส่วนพลาสติกโมเดลที่เป็นงานใส เมื่อเราพ่นสีเคลียร์แดงลงไป ชิ้นงานนั้นก็จะมีความแดง แต่ก็ยังคงคุณสมบัติใสอยู่ครับ

ตัวอย่างชิ้นงานข้างบน จะเป็นพลาสติกโมเดลใสทั้งชิ้น แต่เราได้พ่นสี Clear Red ลงไป ทำให้ชิ้นงานมีความแดง และก็ยังคงความใสอยู่นั่นเองครับ
สรุปง่ายๆก็คือ สีเคลียร์ เราจะได้สีตามที่เราพ่นลงไป แต่ก็จะได้คุณสมบัติใส และจะได้คุณสมบัติเดิมของพื้นหลังเอาไว้ด้วยครับ // ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพื้นหลังของเราเป็นสีแดงสด แล้วเราพ่นเคลียร์เหลืองลงไป สีที่ได้จะออก ส้มๆครับ2.3 Gloss Colour / Flat Colour : คุณสมบัติสีหัวข้อนี้ จะเหมือนกับหัวข้อ 2.1 นะครับ แต่จะแตกต่างกันที่ส่วนผสมเล็กน้อยหัวข้อ 2.1 ผลที่ได้จะมีคุณสมบัติกึ่งเงา กึ่งด้าน ... แต่หัวข้อ 2.3 นี้ พอพ่นแล้วก็จะมีทั้งสีออกมาเงาเลย หรือพ่นออกมาแล้วก็จะด้านเลย (ซึ่งในสีนั้นจะมีการลด เพิ่มส่วนผสมของเคลียร์เงาด้านนั่นเองครับ)
ตัวอย่างสียี่ห้อ Tamiya ซึ่งสี Code X-1 จะเขียนว่า Black ซึ่งผลของสี จะให้เป็นกึ่งเงากึ่งด้าน ... ส่วนรูปทางขวา จะเป็นสี Code XF-1 ซึ่งจะมี F เพิ่มขึ้นมา ชื่อจะเป็น FLAT BLACK ซึ่งเมื่อพ่นแล้ว ก็จะให้สีที่มีคุณสมบัติด้านเลยครับ ซึ่งช่วยให้การใช้งานของเราง่ายขึ้น
2.4 Surface Primer (สีรองพื้น) : หลายคนอาจจะสงสัยว่า สีรองพื้นมันคืออะไร ใช้ยังไง แล้วใช้ตอนไหน ... สีรองพื้นมีคุณสมบัติเด่นอยู่มากทีเดียวครับ จะบอกว่า จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ (เพราะบางคนบอกว่า ไม่ใช้ก็ได้) ... แต่ถ้าเพื่อนๆมือใหม่ ที่กำลังจะศึกษาเรื่องสี แอดมินอยากให้ใช้ อยากให้ลอง อยากให้ศึกษาตรงนี้ครับ เพราะมันสำคัญมากทีเดียวคุณสมบัติสีรองพื้น- เนื้อละเอียด และมีให้เลือกใช้หลายเบอร์ (800, 1000, 1500) ซึ่งความละเอียดก็มีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของชิ้นงานเราครับ- ใช้ในการตรวจสภาพผิวของชิ้นงาน (เดี๋ยวแอดมินจะแนบคลิปของทาง Raditz Studio เอาไว้ให้นะครับ ว่าการใช้รองพื้นเช็คผิว มันเช็คยังไง) คอนเซปคือ พลาสติกที่ทำการฉีดขึ้นรูป เราอาจจะมองว่ามันสวย เท่ากันทั้งหมด แต่เมื่อเราพ่นรองพื้นและขัดเช็คผิว เราจะได้คำตอบครับ (อยากให้ดูคลิปนี้แนบไปพร้อมๆกัน และจะเข้าใจครับ)ขอขอบคุณคลิปดีๆจาก Raditz Studio มาไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เข้าใจง่าย และได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับ
- ใช้ในการปรับสภาพผิวให้เป็นสี เบสมาตรฐาน เพื่อให้เตรียมพ่นสีต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ชิ้นงานของเราเป็นสีแดงสด แต่เราต้องการที่จะพ่นสีเหลืองสดลงไป ต้องบอกก่อนว่า ถ้าเราไม่รองพื้น สีที่ได้อาจจะไม่ใช่สีเหลืองเสมอไปนะครับ มันจะเป็นสีเหลือง ที่ผสมกับพื้นสีแดง (สีที่ได้ มันจะไม่ตรงกับสีที่เราตั้งใจอยากจะได้) ... นั่นคือคุณสมบัติอย่างหนึ่งของสีรองพื้นครับ มันจะช่วยกลบสีแดงของชิ้นงานจริง และทำให้สีเหลืองของเราที่พ่นลงไป เป็นเหลืองอย่างที่เราต้องการครับ
- เป็นตัวเชื่อมระหว่างชิ้นงาน กับสีจริง : หลายคนคงเจอปัญหาสีลอก สีหลุดเวลาเราพ่นไปแล้ว (ถ้าไม่ได้รองพื้น) นั่นอาจจะเป็นเพียงองค์ประกอบเดียว ที่ทำให้สีจริง กับชิ้นงานไม่เชื่อมกัน ... สีรองพื้นมีคุณสมบัติที่มีเนื้อละเอียดกว่าสีปกติ นอกจากจะติดกับชิ้นงานได้อย่างดีแล้ว มันก็จะเป็นตัวเชื่อมชิ้นงาน กับสีที่เราจะพ่นจริงลงไป ให้ยึดประสานกันได้อย่างดี และช่วยลดปัญหาสีลอก สีหลุดได้ครับ
- สีรองพื้นในท้องตลาดทุกวันนี้ มีมากมายหลายสี (ณ ปัจจุบัน) แต่ถ้าพูดถึงพื้นฐานจริงๆแล้ว ในยุคของแอดมิน จะมีอยู่ 3 สีด้วยกันครับ คือ สีเทา, สีขาว, สีดำ ซึ่งก็จะมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปครับ
2.5 Metallic Colour (สีเมทัลลิค) : สีเมทัลลิค จะว่าเป็นสีพิเศษก็ได้ครับ (แพงกว่าสีปกติ) สีเมทัลลิคจะมีส่วนผสมของเม็ด Silver เข้าไปด้วย ทำให้สีที่ออกมา ไม่ได้ถึงกับสด ถ้าเทียบกับสีปกติ (ในที่นี้ แอดมินขอเทียบสีแดงนะครับ) แต่สีที่ได้ จะสวยในแบบของเมทัลลิคเอง (คือถ้าเรามองแบบผ่าน จะเห็นถึงความวิ๊งๆ ระยิบระยับ ฮาๆ)
ในภาพเป็นการเปรียบเทียบสี Red ปกติ กับสี Metallic Red สีที่ได้ของเมทัลลิค จะเข้มกว่าค่อนข้างมาก แต่สีที่ได้จะมีความแวววับ เพราะมีส่วนผสมของเม็ดสี Silver เข้าไปด้วยนั่นเอง (จากภาพ เป็นผลิตภัณฑ์สียี่ห้อ Skull สี Red และสี Metellic Red ครับ) ขอบคุณ Zeon Plamo มา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
2.6 : Clear Coat : เคลียร์ใส ... เป็นเคลียร์ใสๆ ไม่มีสี มีคุณสมบัติโปร่งใส เอาไว้ใช้เปลี่ยนสภานภาพของพลาสติกโมเดลให้มีความ เงา ด้าน กึ่งเงา-กึ่งด้าน โดยที่เราไม่ต้องพึ่ง Clear Colour นั่นเองครับ

EASY CLEAR ของทาง Raditz Studio ที่เป็นสูตร Extra Gloss สำหรับชิ้นงานที่ต้องการความเงาแบบ เงามากๆ (ก ไก่ล้านตัว) การใช้งานสี Clear Coat ส่วนใหญ่แล้วจะพ่นเป็นอันดับสุดท้าย หรือเป็นการปิดงานนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีการประยุกต์ไปใช้งานอื่นๆด้วย เช่น เคลียร์เงาก่อนตัดเส้น (ให้สี อีนาเมลใหลดี และป้องกันสีอีนาเมลเข้าไปกัดพลาสติกด้วย ให้สีเคลียร์กันไว้อีกชั้นนึง)
2.7 สีอื่นๆ ฯลฯ : ซึ่งตรงนี้จะมีสีอีกหลากหลายมากๆครับ สีเหลือบ สีมุก สีเหล็ก หรือสีอะไรก็ตามแต่จะเรียกกัน ซึ่งแอดมินก็จะถือว่ามันเป็นคุณสมบัติแบบสีข้างบนครับ ซึ่งหากมีสีประเภทอื่นๆอีก สามารถคอมเม้นเอาไว้ได้นะครับ แอดมินจะเข้ามาดู ศึกษาเพิ่มเติม และมาแก้ไขให้เรื่อยๆครับ ^^ Chart ตารางสีของสียี่ห้อ Mr.Colour ครับLink : https://goo.gl/Ux2LW4
Chart ตารางสีของสียี่ห้อ Tamiya ครับX Code Link : https://goo.gl/vrgLLBXF (สีด้าน) Code Link : https://goo.gl/LR8kFS
LP Code Link : https://goo.gl/pmWR7h
Chart สีข้างบนแอดมินไม่แน่ใจว่ามีการ Update ใหม่อะไรยังไงบ้างนะครับ แต่อย่างที่แอดมินแจ้งไปครับ หากสงสัย ก็สอบถามกับทางร้านได้เลยว่า "สีสูตรอะไร สีแบบไหน" ไม่ต้องกังวลครับ ร้านทุกร้านยินดีให้คำตอบกับลูกค้าทุกคนจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลดีด้วยนะครับ
- Zeon Plamo
- Raditz Studio
- Tamiya Thailand
- Mr.Hobby JP Colour
- พี่วสันต์ ทองอ่ำ

สินค้าพร้อมจัดส่ง สีสำหรับงานแอร์บรัชยี่ห้อ Raditz Studio สีสำเร็จพร้อมใช้งาน

กลุ่ม Facebook ที่เอาไว้แลกเปลี่ยน พูดคุย เกี่ยวกับงานแอร์บรัช การทำสี ปัญหาต่างๆ รวมถึงเทคนิคการพ่นสีกับงานทุกประเภท ครอบคลุมทุกสายงาน